Sharp Image สวยสดุดตากับองศาความงาม
เคยสังเกตไหมว่าคนหน้าตาดี ไม่ว่าจะเป็น ชาย หรือหญิง ไม่ว่าเป็นเชื้อชาติอะไร ในความแตกต่างของใบหน้าที่ดูดีทั้งหมดนั้น มีอะไรที่เหมือนกัน คำตอบก็คือใบหน้าเหล่านั้น มีสัดส่วนและองศาความงามที่เหมือนกันอย่างน่าอัศจรรย์ นี่เองที่อาจเรียกว่าศาสตร์แห่งความงามของมนุษย์......องศาแห่งความงาม.......ถ้าพูดกันในรายละเอียดก็คงต้องว่ากันเป็นหนังสือเล่มโต ตรงไหนควรมีสัดส่วนเท่าไร มีองศาเท่าไร เอาเป็นแบบสรุปย่อๆก็พอจะบอกสูตรคร่าวๆได้ดังนี้ค่ะ 3: 5 คือสัดส่วนของรูปหน้าที่สวยงามสมบูรณ์แบบลงตัว แนวตั้งของใบหน้าต้องมีสัดส่วนที่เท่ากันทั้ง 3 ส่วน คือไรผมถึงคิ้ว คิ้วถึงปลายจมูก และปลายจมูกถึงคาง ส่วนแนวนอนต้องมีสัดส่วนเท่ากันทั้ง 5 ส่วนคือ ข้างแก้มถึงหางคิ้ว หางคิ้วถึงหัวคิ้ว ปีกจมูกซ้ายถึงขวา หัวคิ้วถึงหางคิ้ว หางคิ้วถึงข้างแก้ม เมื่อลากเส้นตรงตัดกับจุดที่กว้างสุดของใบหน้า จะได้มุม 10 องศา ที่เท่ากันทั้งมุมบนและมุมล่าง สัดส่วนของโหนกแก้มแบ่งได้ 3 ส่วนเท่าๆกันอีกเช่นกัน และตำแหน่งสูงสุดของโหนกแก้มต้องอยู่ในส่วนที่ 2นอกจากนี้ ใบหน้าที่ดูดีจะต้องมีส่วนโค้งและเว้าที่ เรียกว่า S Curve
เราสามารถลากเส้นจากจุดต่างๆของใบหน้า และดูว่าทำมุมตรงกับ องศาของความงามหรือไม่ ถ้าตรง ตามองศาของความงามที่ว่านี้ ใบหน้าเหล่านั้น ก็คือ จัดว่าสวย หรือหน้าตาดี ความฝันของทุกคนที่ต้องการดูดี ก็คือมีมุมและ ระยะห่างของจุดต่างๆบนใบหน้าตรงตามทฤษฎี องศาความงาม
เมื่อคนเรามีอายุมากขึ้น เกิดอะไรขึ้นกับสัดส่วนและองศาความงาม คำตอบก็คือคือ เมื่อคนเราอายุมากขึ้น ใบหน้าที่หย่อนคล้อย องศาของความงามก็ผิดเพี้ยนไป S Curve หายไป องศาเปลี่ยนไป สัดส่วนเปลี่ยนไป แม้จะเป็นคนเคยสวยในอดีต แต่เมื่ออายุมากขึ้น องศาความงามก็ผิดไป จึงไม่ดูดีเหมือนเมื่อก่อน แต่ถ้าสามารถปรับรูปหน้าให้ได้องศา และสัดส่วน ตามองศาความงามได้ ก็หมายถึงใบหน้าที่กลับมาดูดีอีกครั้ง
ในปัจจุบันจึงมีความพยายามมากมายที่จะปรับสัดส่วนใบหน้า และองศาให้ได้ตามทฤษฏี เพื่อผลลัพธ์ที่ดูดีแบบเหล่าดาราหรือนางแบบ นายแบบทั้งหลาย แต่ทฤษฎีเหล่านี้ก็เหมือนกับการวาดภาพของศิลปิน ทุกคนอาจมีเครื่องมือเหมือนกัน มีสีเหมือนกัน ภู่กันเหมือนกัน แต่ใช่ว่าทุกคนจะเขียนภาพได้ออกมาดูดีเหมือนกันหมด ต้องอาศัยประสบการณ์ การฝึกฝน และที่สำคัญ พรสวรรค์ ความเข้าใจในสัดส่วนและจุดต่างๆบนใบหน้าอย่างดี การจะปรับรูปหน้าให้ดูดี จึงไม่ใช่แค่เรื่องของเครื่องมือหรือทฤษฎีอย่างเดียว แต่เป็นศิลปของแพทย์ทางด้านผิวหนังแต่ละราย ที่จะสามารถมองจุดของสัดส่วน และองศาได้อย่างทะลุ และรู้ว่าจะต้องใช้เครื่องมืออะไรจึงจะลงไปแก้ไขปัญหาเหล่านั้นได้ เพราะปัญหาของผิวหนังไม่ได้แบนราบเป็น 2 มิติ แต่ประกอบค้วยองค์ประกอบหลายชั้น บางรายอาจะแก้ปัญหาที่ชั้นคอลลาเจน ก็ใช้เทคโนโลยีที่เรียกว่า เทอร์มาจ แต่บางรายไม่สามารถแก้ปัญหาที่ชั้นคอลลาเจนได้ อาจจะเป็นเพราะองค์ประกอบของใบหน้าที่มีคอลลาเจนน้อยอยู่แล้ว ก็ต้องลงไปแก้ที่ชั้นลึกกว่านั้น คือไปยกกระชับกันที่ชั้นกล้ามเนื้อ เป็นต้น จะเห็นได้ว่าเรื่องยกกระชับอย่างเดียวก็มีวิธีมากมาย เช่นเดียวกัน ในเรื่องสีผิวก็ต้องดูองค์ประกอบของผิวด้วยเช่นกัน ดังนั้นแม้จะเข้าใจหลักทฤษฎีองศาความงามเป็นอย่างดี แต่จะทำให้ได้ผลตามทฤษฎี กลับไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะคะ แนะนำว่าก่อนจะเลือกปรับรูปหน้ากับใคร หรือสถาบันไหน ลองศึกษาถึงประสบการณ์และความชำนาญของแพทย์ผู้นั้นก่อนก็จะดีค่ะ เพื่อจะได้ปรับรูปหน้า ได้ตรงตามความตั้งใจ และได้ผลตามทฤษฎีองศาความงามอย่างแท้จริง
www.apexprofoundbeauty.com Call Center 0805000123